อาหารสัตว์เลี้ยง 5 ล้านล้านแข่งดุ ผู้ผลิตไทยบุกน่านน้ำใหม่ “จีน-อังกฤษ”
อาหารสัตว์เลี้ยง 5 ล้านล้านแข่งดุ ผู้ผลิตไทยบุกน่านน้ำใหม่ “จีน-อังกฤษ”
ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 5 ล้านล้านบาทแข่งเดือด ผู้ผลิตไทยสบโอกาสหันปั้นแบรนด์เจาะตลาดทั่วโลก หวังชิงส่วนแบ่งพร้อมสยายปีกบุกน่านน้ำใหม่ “จีน-อังกฤษ” หลังพบตลาดทะยานเติบโตต่อเนื่อง
ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงกลายเป็นธุรกิจใหญ่ที่น่าจับตา ด้วยมูลค่าตลาดทั่วโลกที่สูงถึง 5 ล้านล้านบาทในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีการเติบโตปีละเกือบ 6% และคาดการณ์ว่าอีก 5 ปีข้างหน้าจะเติบโตเพิ่มอีก 7% โดยปัจจัยที่เข้ามาเสริมตลาด คือสังคมเมืองและคนอยู่เป็นโสดมากขึ้น และครอบครัวมีบุตรน้อยลง
กลุ่มคนต่างๆเหล่านี้ต้องการสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนโดยเฉพาะในช่วงโควิด 3 ปีที่ผ่านมาสถิติในประเทศญี่ปุ่นอัตราการเลี้ยงสัตว์เติบโตขึ้นถึง 15% และเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ของโลก
นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC เปิดเผยว่า ธุรกิจหลักของ ITC เกือบ100% อยู่ในอาหารเปียกและขนม และ3 ใน 4 หรือประมาณ 75% ของรายได้มาจากอาหารแมว นั่นหมายความว่า ITC อยู่ในกลุ่มที่เติบโตเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันสัดส่วนธุรกิจหลักของ ITC มาจากอาหารสัตว์เลี้ยง 85% และขนมสำหรับสัตว์เลี้ยง 15% (อาหารแมว 80% และอาหารสุนัข 20%)
ขณะที่ธุรกิจ OEM กินสัดส่วนราวๆ 98% และแบรนด์ของบริษัท 2% ส่งออกไปมากกว่า 45 ประเทศทั่วโลกโดยตลาดหลักยังคงเป็นอเมริกา 45% เนื่องจากเป็นประเทศที่ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงใหญ่ที่สุดในโลก ในปีที่ผ่านมา ITC สามารถปิดรายได้มากกว่า 1.45 หมื่นล้านบาท เติบโต15% ตลอด 3 ปีและมีกำไรสุทธิ 19%
อย่างไรก็ตาม ITC จะมุ่งเน้นตลาดในกลุ่มประเทศที่มีการเติบโตที่ดี อาทิ อเมริกา ซึ่งกินสัดส่วน 44.9% ของรายได้จากการขายของบริษัท มูลค่าตลาด 38,000 ล้านดอลลาร์ เติบโต 5.6%เป็นตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในโลกและอาหารแมวมีอัตราการเติบโตที่เร็วกว่าอาหารสุนัข รองลงมาเป็นตลาดยุโรปซึ่งกินสัดส่วน 19%ของรายได้จากการขาย มีมูลค่าตลาดในปีที่ผ่านมา 16,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีการใช้จ่ายสำหรับสัตว์เลี้ยงสูงที่สุด อันดับ 3 คือญี่ปุ่นซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากการขาย 14%
“เราเริ่มมองหากลุ่มลูกค้าในน่านน้ำใหม่ๆ โดยเน้น 2 ประเทศคือจีนและอังกฤษเพราะเป็นตลาดที่มีช่องว่างสำหรับการเติบโตสูง เริ่มจากประเทศจีน แม้ว่าตอนนี้การใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวห่างชั้นกับอเมริกาเจ้าตลาดของโลก แต่สิ่งที่น่าสนใจคืออัตราการเติบโตที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 20% และในอนาคต 5 ปีข้างหน้าจะเติบโต 22% ขณะที่ อเมริกา จะเติบโตเพียงแค่ 5.6% เท่านั้น”
สำหรับกลยุทธ์ในการขยายตลาดในประเทศจีนบริษัทจะร่วมมือกับแบรนด์ OEM ต่างประเทศเพื่อส่งเข้าไปขายในประเทศจีนส่วนของ “อังกฤษ” ปัจจุบันส่วนแบ่งของครัวเรือนที่เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงอยู่ที่ 59% ซึ่งสูงเป็นประวัติการเมื่อเทียบกับทศวรรษที่ผ่านมาและเป็นผู้นำเข้าอาหารสุนัขและแมว 9 อันดับแรกของโลกเป็นตลาดหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตของอาหารแมวและสุนัขในยุโรป
ด้านนางสาววรัญรัชต์ อัสสานุพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน บมจ.เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (AAI) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า AAI มองเห็นเทรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2011 และเริ่มเข้ามาโฟกัสธุรกิจนี้มากขึ้นเพราะผู้บริหารมองว่า ธุรกิจที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงจะเติบโตขึ้นทุกเซกเมนต์ไม่ใช่แค่อาหาร ทำให้มีคู่แข่งในตลาดเพิ่มมากขึ้น AAI มองว่า บริษัทไม่สามารถห้ามคนอื่นได้ ดังนั้นสิ่งที่สามารถทำได้ในภาวะการแข่งขันที่รุนแรง อุตสาหกรรมมีการเติบโตที่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจของAAIมากคือ “ต้องวิ่งให้เร็ว”
“สิ่งแรกเราต้องใหญ่ขึ้นโดยเพิ่มกำลังการผลิต 2. ต้องยกระดับตัวเราไปอีกขั้นทำให้คนมองเห็นว่าAAI เติบโตขึ้น มีมาตรฐานในการดำเนินงานและมาตรฐานในการกำกับดูแลกิจการและมาตรฐานในการกำหนดกลยุทธ์มากขึ้น และพร้อมที่จะเติบโตไปกับลูกค้าซึ่งเป็นแบรนด์ระดับโลก